;
เป็นเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในร่างกายของคนเรา และโดยปกติแล้วไม่เป็นอันตราย สามารถหายไปและกลับมาได้อีก ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เชื้อ GBS สามารถก่อให้เกิดโรครุนแรงได้ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ, ผู้ที่มีโรคประจำตัว, หญิงตั้งครรภ์ และทารกแรกเกิด

หญิงตั้งครรภ์ร้อยละ 10-30 มีเชื้อนี้แฝงอยู่ในทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ หรืออาจเรียกว่าเป็นพาหะของเชื้อ GBS ซึ่งสามารถทำให้เกิด
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
ถุงน้ำคร่ำอักเสบ
การติดเชื้อในกระแสเลือด
เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบหลังคลอด
การติดเชื้อแบบรุนแรงขณะตั้งครรภ์ สัมพันธ์กับการแท้งบุตรและคลอดก่อนกำหนดได้

ประมาณร้อยละ 50 ของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นพาหะของเชื้อ GBS จะถ่ายทอดเชื้อไปยังทารกได้ในช่วงเจ็บครรภ์คลอดและระหว่างคลอด ซึ่งหากไม่ได้รับยาปฏิชีวนะป้องกันในช่วงเจ็บครรภ์คลอด ร้อยละ 1-2 ของทารกที่ได้รับเชื้อ จะมีอาการของโรคได้ภายในสัปดาห์แรกหลังคลอด โดยโรคที่มักพบได้คือ
ทารกที่มีอาการติดเชื้อ GBS ร้อยละ 72 เป็นทารกที่คลอดครบกำหนด
แต่อัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ GBS จะมากกว่าในทารกที่คลอดก่อนกำหนด (ร้อยละ 19.2 เทียบกับร้อยละ 2.1)

ในระยะเจ็บครรภ์คลอด จะช่วยป้องกันการติดเชื้อ GBS ในทารกแรกเกิดได้ โดยจะพิจารณาให้ยาในกรณี
ส่วนกรณีที่ไม่ต้องให้ยาปฏิชีวนะ ได้แก่

การตรวจหาเชื้อ GBS จะทำในช่วงอายุครรภ์ 36-37 สัปดาห์ โดยการเก็บสิ่งส่งตรวจจะใช้ไม้พันสำลีปราศจากเชื้อป้ายบริเวณช่องคลอดและทวารหนัก
แล้วนำเก็บในหลอดเพื่อนำไปเพาะเชื้อต่อ (รอผลประมาณ 4-7 วัน) หากมีการเจริญเติบโตของเชื้อ จะนำเชื้อนั้นไปทดสอบการดื้อยาต่อ เพื่อพิจารณาชนิดของยาที่จะให้เพื่อป้องกันต่อไป